วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ขาย แอร์โฟร์ (Air Flow)  เบอร์ 605   ราคา 3,500 บาท เป็นสินค้ามือสอง สภาพดี  รับประกันสินค้า 30 วัน  ของใหม่ศูนย์ราคา ประมาณ 15,000-18,000 บาท
 
มารู้จัก Air Flow 605 กันครับ
   605 เป็นชือย่อครับ ชื่อเต็มๆ คือ MD343605 หรือ  E5T08471  605 เป็น 3 ตัวท้ายของ Part Number ตัวนี้เป็นตัวที่หาได้ค่อนข้างยาก ถ้าเบิกศูนย์ราคาก็ปิดหูไม่ทันเลยครับน้อยคนที่จะเบิกศูนย์ เพราะราคาประมาณครึ่งหนึ่งของเครื่องมือสองเซียงกงเลย สาเหตุที่เบอร์นี้หายากก็เนื่องจาก เบอร์นี้จะอยู่ในรถ ท้ายเบนซ์ CK4 4G92 CK5 4G93 ซีเดีย CS5 4G93 และ New Lancer CS5 4G93  ใช้พาร์ทเดียวกันหมด  ถ้ารถไม่ติดแก๊สก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ถ้าติดแก๊สเมื่อไหร่ละ ต้องระวังเลย ยิ่งสมัยก่อน ระบบแก๊สมีแต่ดูด หัวฉีดยังไม่แพร่หลายเนื่องจากมีราคาแพง ดังนั้นจึงทำให้รถเหล่านี้ถูกติดตั้งแก๊สในระบบดูดเกือบทั้งหมดในยุคแรกที่มีการติดตั้ง LPG ปัญหาของระบบดูดก็หรือ Back Fire หรือไฟวิ่งย้อนกลับอาจเกิดจากระบบจุดระเบิดไม่สมบูรณ์หรือวาวล์ไอดีปิดไม่สนิทในจังหว่ะจุดระเบิด  การ Back Fire นี้เองที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับ Air Flow เนื่องจากภายในตัว Air Flow มีส่วนที่เป็นโลหะทักทอเรียงต่อกันอยู่ หรือที่เรียกกันว่ารังผึ่ง Back Fire เมื่อไหร่รังผึ่งกลับบ้านเก่าแน่นอน ด้วยเหตุนี้ทำให้ รหัส 605 มีความต้องการทางตลาดสูง ราคามือสอง ก็สูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะหายาก แรกๆ ขายกันอยู่ พันกว่าบาท มาตอนนี้ สามพันขึ้นครับ หรือสภาพดีๆ อาจแพงกว่านี้
      เบอร์แทนที่ใส่ได้มีอีกเบอร์ คือ 449 ส่วนเบอร์ 481 จะอยู่ใน Galant 2.0 ไม่แนะนำครับระยะยาวอาจมีปัญหา อันนี้ผมนำมาจาก Service Manual ของ Mitsubishi ลองดูรูปด้านล่างครับ มีหลายท่านโทรมาถามว่า 481 ใช้ได้หรือไม่ ลองดูแล้วตัดสินใจเองครับ ระยะยาวค่าเชื้อเพลิงกินหมดเพราะจ่ายเชื้อเพลิงจะถูกจ่ายออกมาหนาตลอดเวลาค่าเชื้อเพลิงที่จ่ายมากขึ้นจะแพงกว่าค่าแอร์โฟร์ตรงเบอร์    ใส่ 481 แล้วรถวิ่งดีขึ้นจริงหรือ กระบวนการสันดาปของเครื่องยนต์ไม่ได้อาศัยน้ำมันเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่ว่าใส้น้ำมันเข้าไปเยอะแล้วรถจะแรงขึ้น ต้องอาศัยอัตราส่วนนอากาศที่เหมาะสมด้วยกรณีจ่ายเชื้อเพลิงหนาแต่อากาศเท่าเดิมอันนี้การตอบสนองของเครื่อยงยนต์อาจดีขึ้นแต่ไม่มาก ไม่คุ้มกับค่าเชื้อเพลิงที่เสียไปแต่ถ้าอัดอากาศเข้าไปเพิ่มด้วยอันนี้แรงขึ้นแน่นอนครับ
 ตำแหน่งขา
ขา 1  คือ 5 Volt Reference Voltage
ขา 2  คือ Barometric Pressure Sensor Circuit
ขา 3  คือ MAF Signal Output
ขา 4  คือ ไฟเลี้ยง 12 โวลท์
ขา 5  คือ  กราวนด์
ขา 6  คือ  Intake Air Temp Sensor Circuit
ขา 7 คือ  MAF Reset Signal Output Circuit

ท่านใดสงสัยว่า  Air Flow เสียเอารถเข้ามาลองได้ครับ  ลองให้ฟรีไม่มีเงื่อนไข
หน้าที่ของแอร์โฟร์ 
     ในตระกูลมิซูบิชิแอร์โฟร์จะทำหน้าที่ ตรวจวัดปริมาณอากาศที่ไหลผ่านเข้าท่อไอดี อุณภูมิของอากาศ รวมถึง ตำแหน่งของ ปีกผีเสื้อที่อ่านค่าได้มาจาก TPS มาคำนวณและส่งค่าเหล่านี้ให้กับ ECU เพื่อสั่งจ่ายน้ำมันให้เหมาะสม โดยการจ่ายน้ำมันนี้ก็คือการควบคุมหัวฉีดให้เปิดมาเปิดน้อยนั่นเอง ขา 1 เป็นแรงดัน
อ้างอิง 5 โวลท์ ขา 2 เป็นสัญญาณทีออกจากตัว เซนเซอร์โดยตรง ขา 3 เป็นสัญญาณพลัส์ที่มีการเปลี่ยนแปลงตามปริมาณอากาศ  ความดันน้อยความถี่ต่ำ  ความดันมากความถี่สูง ขา 4 เป็นสัญญาณไฟเลี้ยง 12 โวลท์ ขา 5 กราวน์ ขา 6 เป็นสัญญาณที่เปลี่ยนแปลงตามค่า อุณหภูมิอากาศ โดยจะให้ diode (อยู่ใน
ช่องอากาศมองเห็นได้ ตัวสีแดง 2 ขา) ค่าแรงดันนี้จะเปลี่ยนแปลงตามอุณภมิ โดยจะเพิ่มขึ้น ทุก 2 mV ต่อ 1 องศา จากนั้นจะผ่านวงจรขยายและส่งออก
มาที่ขา 6 เพื่อนำไปประมวลผลที่ ECU  ขาสุดท้ายขา 7 เป็นสัญญาณ reset

อาการเสียของ Air Flow  
   เครื่องเดินไม่เรียบไม่นิ่ง เนื่องจากการสั่งจ่ายน้ำมันผิด  อาจจ่ายมากหรือน้อยเกินไป ทำให้ไม่สามารถรักษารอบเครื่องให้มีค่าคงที่ได้  รถจะมีอาการสะดุด
ในรอบเดินเบา แต่ถ้าดึงปลั๊กออกก็จะหาย ไฟ Check Engine ติด 



การใส่ แอร์โฟร์ ไม่ตรงเบอร์มีผลต่อเครื่องยนต์หรือไม่?
  อาจมีหรือไม่มีก็ได้ขึ้นอยู่กับ เบอร์ที่ใส่แทนมีการสั่งจ่ายน้ำมันออกมามากหรือน้อยกว่าค่าที่ต้องการ ถ้าจ่ายน้อยส่วนผสมบางก็ทำให้เครื่องยนต์สึกหรอได้แต่ถ้าจ่ายมากเกินก็จะกินน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าปกติและรถจะวิ่งไม่ออก ทางที่ดีใส่เบอร์ตรงๆ ดีกว่าครับ  ไม่งั้นก็คงไม่ทำออกมาหลายเบอร์เพราะแต่ละเบอร์จะมีความเหมาะสมกับเครื่องยนต์แต่ละรุ่น ภายในกล่องแอร์โฟร์จะมีความต้านทานแบบปรับค่าได้ ถ้ามี A/F มิเตอร์ ก็สามารถเปิดมาปรับค่าให้เหมาะสมได้ (กรณีใช้เบอร์เทียบควรปรับค่า A/F ให้เหมาะสม)

วิธีทดสอบ Air Flow มิซูบิชิ ขั้วต่อ 7 สาย ทุกรุ่นทุกเบอร์
เครื่องมือที่ต้องใช้ >>>         ดิจิตอลมัลติมิเตอร์ที่สามารถวัดค่าความถี่ได้หรือท่านใดมี ออสซิโลสโคปก็ได้ครับแต่ต้องเป็น Storage สโคปนะครับเพราะความถี่มันต่ำ (มิเตอร์หาซื้อได้ทั่วไปตัวนึง ไม่กี่ร้อย จนถึงหลายพัน แล้วแต่ยี่ห้อ)
1. ตรวจสอบสายไฟเลี้ยง ที่ต่อเข้า Air Flow  ตั้งมิเตอร์ย่าน DC ใช้สายสีแดงวัดที่ขา 4 และสายสีดำ วัดที่ขั้วลบของ แบตเตอรี่  เปิดสวิทช์กุญแจ แรงดันที่วัดได้ต้องอยู่ในช่วง 10-12 โวลท์
2. ตรวจสอบสายกราวนด์ของ  Air Flow ตั้งมิเตอร์ย่าน DC ใช้สายสีดำวัดที่ขา 5 และสายสีแดง วัดที่ขั้วบวกของ แบตเตอรี่ ปิดสวิทช์กุญแจ แรงดันที่วัดได้ต้องอยู่ในช่วง 10-12 โวลท์
3. ตรวจสอบสัญญาณ MAP OUTPUT  เอาท์พุทที่ออกจากขานี้จะเป็นสัญญาณ Pluse ที่มีความถี่เปลี่ยนแปลงตามปริมาณอากาศและรอบเครื่อง การวัดค่าจึงต้องตั้งมิเตอร์ในตำแหน่งวัดความถี่ ใช้สายสีแดงจับที่ขา 3 และสายสีดำจับที่ ขั้วลบของแบตเตอรี่ สตาร์ทเครื่อง ตอนเดินเบาความถี่ที่วัดได้ควรมีค่าประมาณ 10-14 HZ เร่งรอบเครื่องให้อยู่ในช่วง 2500 RPM ความถี่ที่วัดได้ต้องมีค่าประมาณ 70 Hz  ความถี่ต้องเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องไม่กระโดดไปมา
4. ทดสอบสัญญาณ reset แอร์โฟร์ ใช้มิเตอร์ตั้งย่านวัด DC นำสายสีแดงวัดที่ขา 7 สายสีดำวัดที่กราวนด์  ในตำแหน่งที่ปีกผีเสื้อปิดอยู่แรงดันที่วัดได้ต้องมีค่าประมาณ 1 โวลท์ ทดสอบบิดปีกผีเสื้อไป 1/3 แรงดันที่วัดได้ต้องมีค่าประมาณ 6-9 โวลท์  ปล่อยให้ปีกผีเสื้ออยู่ตำแหน่งปิดเช่นเดินแรงดันตรงกลับมาที่ 1 โวลท์

ถ้าวัดแล้วเป็นไปตามนี้ก็ไม่เสียครับ